บทความนี้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะผู้ป่วยติดเตียงกันให้มากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการดูแลได้อย่างเหมาะสม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี
คู่มือการฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงที่ถูกต้องและครบถ้วน
เมื่อคนที่เรารักต้องกลายเป็น “ผู้ป่วยติดเตียง” ไม่ว่าจะด้วยอายุ ภาวะเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ ถึงแม้ในทางการแพทย์จะไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้จะกลับมาหายเป็นปกติหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ดูแลไม่ควรมองข้ามคือ การฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขอีกครั้ง
ความสำคัญของการฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงที่ผู้ดูแลต้องรู้
1. ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการนอนติดเตียงเป็นเวลานาน
การนอนอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน สามารถส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลากหลาย เช่น แผลกดทับ ปอดอักเสบจากขาดการเคลื่อนไหว ระบบไหลเวียนเลือดติดขัด กล้ามเนื้อฝ่อลีบ และข้อติดแข็ง ดังนั้น การปรับใช้วิธีฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงที่เหมาะสมย่อมช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้
2. ส่งเสริมการฟื้นตัวของระบบร่างกาย ทั้งอวัยวะภายในและกล้ามเนื้อ
การฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของระบบร่างกาย เนื่องจากอวัยวะภายใน กล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท ล้วนได้รับผลกระทบจากการนอนติดเตียงเป็นเวลานาน การกระตุ้นและการกายภาพอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ระบบต่าง ๆ เหล่านี้ทำงานได้ดีขึ้น
3. เสริมสร้างกำลังใจและลดความเครียดของผู้ป่วย
การฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงไม่ใช่แค่เรื่องร่างกาย แต่ยังรวมถึงด้านสภาวะทางจิตใจด้วย เนื่องจากผู้ป่วยติดเตียงจำนวนไม่น้อยเกิดอาการซึมเศร้า รู้สึกหมดคุณค่า และมองไม่เห็นอนาคต ดังนั้น การมีเป้าหมายในชีวิตประจำวันแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น การนั่งเองได้ การยกแขนได้มากขึ้น ล้วนสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยได้อย่างมหาศาล
4. ช่วยลดภาระของผู้ดูแลในระยะยาว
เมื่อผู้ป่วยเริ่มช่วยเหลือตัวเองได้บางส่วน เช่น เปลี่ยนท่านอนได้ หรือหยิบจับของใกล้ตัวได้ ก็สามารถลดภาระการดูแลแบบ 24 ชั่วโมงลงได้ ช่วยให้ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น และลดความเครียดในระยะยาว
3 แนวทางการฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงอย่างรอบด้าน
เมื่อได้ทราบถึงความสำคัญของการฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงแล้ว สำหรับใครที่มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในความดูแล ต่อไปนี้คือ 3 แนวทางฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ เป้าหมายคือการฟื้นฟูผู้ป่วยให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมลดภาระของผู้ดูแลในระยะยาวอย่างยั่งยืน
1. การทำกายภาพผู้ป่วยติดเตียง เสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
การทำกายภาพผู้ป่วยติดเตียงเป็นรากฐานสำคัญในการป้องกันกล้ามเนื้อฝ่อ และกระตุ้นให้ระบบประสาทยังคงทำงานต่อเนื่อง การทำกายภาพไม่ได้จำกัดแค่ผู้ป่วยที่ “มีหวังลุกขึ้นเดิน” เท่านั้น เพราะถึงแม้จะเป็นผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวไม่ได้เลยก็ยังสามารถทำกายภาพได้
รูปแบบของกายภาพสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ได้แก่
- Passive Exercise (บริหารโดยนักกายภาพ/ผู้ดูแล) : ขยับข้อต่อ เช่น ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ เข่า เท้า โดยไม่มีแรงต้านจากผู้ป่วย เพื่อป้องกันข้อติด
- Active Assisted Exercise : ผู้ป่วยพยายามขยับเอง แต่ยังต้องมีผู้ช่วยคอยประคอง
- Resistance Training : ฝึกใช้แรงต้านแบบเบา เช่น การใช้ยางยืด เพื่อกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ
กิจกรรมกายภาพผู้ป่วยติดเตียงเหล่านี้ควรทำสม่ำเสมอเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง โดยควรอยู่ภายใต้การแนะนำจากนักกายภาพบำบัด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำหรือผลข้างเคียง
2. การเสริมโภชนาการ ฟื้นฟูสุขภาพกายผู้ป่วยจากภายใน
ร่างกายของผู้ป่วยติดเตียงต้องการพลังงานและสารอาหารไม่น้อยไปกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการฟื้นฟู การซ่อมแซมกล้ามเนื้อ แผล หรือเนื้อเยื่อต่าง ๆ ล้วนต้องพึ่งโภชนาการที่ดี
โภชนาการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่
- โปรตีน : ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วต่าง ๆ หรือโปรตีนเสริม
- วิตามินและแร่ธาตุ : โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินดี แคลเซียม และสังกะสี ซึ่งช่วยในการสมานแผล เสริมกระดูก และระบบภูมิคุ้มกัน
- ใยอาหาร : ช่วยป้องกันอาการท้องผูกที่มักเกิดในผู้ป่วยที่ไม่ขยับตัว
- น้ำ : ป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้ความดันต่ำ ระบบขับถ่ายติดขัด
หากผู้ป่วยรับประทานเองไม่ได้ ควรพิจารณาให้สารอาหารทางสายให้อาหารแบบ Enteral Feeding ภายใต้การดูแลของแพทย์และนักโภชนาการ
3. การฟื้นฟูจิตใจ สร้างสุขภาพจิตที่ดี พร้อมกลับไปเจอโลกอีกครั้ง
สุขภาพจิตที่ดีเป็นพื้นฐานของการฟื้นตัวที่ยั่งยืน หลายครั้งที่ผู้ป่วยติดเตียงเกิดภาวะเครียดหรือซึมเศร้าโดยไม่แสดงออก จึงเป็นหน้าที่ของทั้งผู้ดูแลและบุคลากรทางการแพทย์ในการประเมินและสนับสนุนด้านจิตใจควบคู่กันไป
วิธีฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงด้านจิตใจที่แนะนำ ได้แก่
- การมีเป้าหมายเล็ก ๆ ร่วมกันกับผู้ป่วย เช่น ฝึกให้นั่งเองได้ภายใน 1 เดือน หรือสามารถหยิบของได้เองภายใน 2 สัปดาห์
- สร้างกิจวัตรประจำวันที่มีความหมาย เช่น เปิดเพลงที่ผู้ป่วยชอบ อ่านข่าวให้ฟัง หรือให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมของบ้าน
- ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย เช่น การใช้วิดีโอคอลกับญาติที่อยู่ไกล หรือแว่น VR สำหรับจำลองภาพธรรมชาติ สถานที่สวยงาม เพื่อบำบัดอารมณ์
- ให้ผู้ป่วยได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังเป็นเวลานาน
สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าหรือมีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรงควรต้องได้รับการประเมินเพิ่มเติมจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อการฟื้นฟูที่สมบูรณ์
นอกจากวิธีฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงที่ถูกต้อง และแรงกายแรงใจของผู้ดูแลแล้ว การมีอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งในด้านการเคลื่อนไหวและการดูแลในชีวิตประจำวันย่อมเป็นประโยชน์ ทำให้การฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียงมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเตียงคนไข้ไฟฟ้าซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการปรับระดับท่าทางร่วมกับที่นอนที่เหมาะสมเพื่อช่วยลดแรงกดทับ และช่วยให้การทำกายภาพหรือการดูแลทั่วไปเป็นไปอย่างปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น โดยสามารถเลือกซื้อเตียงคนไข้ไฟฟ้าได้ที่ Wannakarn Medical มั่นใจในคุณภาพที่ได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมบริการหลังการขายและทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำทั้งในด้านอุปกรณ์และการดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างครบวงจร
สนใจสั่งซื้อสินค้าหรือขอคำปรึกษาเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
โทร: 02-301-0425, 064-393-6624, 085-210-9055
LINE Official Account: @WNmedical (มี @ นำหน้า)
ข้อมูลอ้างอิง
- Care of the bedridden patient. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 จาก https://www.researchgate.net/publication/390988919_Care_of_the_bedridden_patient
This Post Has 0 Comments